
ในโลกปัจจุบันนี้ หลายๆคนอาจจะสังเกตเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องเกี่ยวข้องกับการแข่งขันด้วยกันทั้งนั้น โดยไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการเรียน ซึ่งแน่นอนว่า พ่อ- แม่ ชาวไทยหลายๆคน ต่างต้องการให้ลูกของตัวเองสอบได้อันดับดีๆ เลขสวยๆ เพื่อนำไปเข้าโรงเรียนมีชื่อเสียง และมีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นใบเบิกทางไปสู่อนาคต จึงทำให้พ่อ – แม่ หลายต่อหลายคน ยอมเพิ่มค่าใช้จ่าย เพื่อส่งลูกเข้าไปเรียนตามสถาบันกวดวิชา เพื่อส่งเสริมความรู้อื่นๆซึ่งนอกเหนือไปจากการเรียนในห้องเรียน หรือ เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเพียงค่านิยมของระบบการเรียนการสอนในประเทศไทยสมัยนี้ว่า ใครไม่เรียนกวดวิชาก็จะไม่เก่ง จากเรื่องราวเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของคำถามว่า ‘การกวดวิชามีความจำเป็นกับเด็กจริงหรือ’
ค่านิยมแบบผิดๆ หรือ ความจำเป็นที่แท้
โดยการที่พ่อ – แม่ ผู้ปกครองนิยม ส่งลูกเข้าเรียนกวดวิชา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่ง สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ระบบการศึกษาของไทย ยังคงมุ่งเน้นการสอบอันเป็นเป้าหมายหลัก และนักเรียนที่เข้าเรียนกวดวิชา ก็ล้วนมีความคาดหวังว่าตนเอง จะได้รับเทคนิค – เคล็ดลับ ในการทำข้อสอบก่อนเพื่อนๆ นอกจากนี้คิดว่าจะช่วยให้เกิดความเข้าใจในบทเรียนวิชานั้นๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งผู้ปกครองและเด็กเองต้องตระหนักไว้ให้มั่น ถึงแม้การกวดวิชาจะเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับเด็กก็จริง แต่ถ้าตัวเด็กเอง ปราศจากพื้นฐานความรู้ การจะให้เด็กไปกวดวิชาก็เป็นผลเสีย เพราะเด็กไม่เข้าใจในสิ่งที่สอน อยู่ดี อีกทั้งยังสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตระยะยาวได้อีกด้วย เนื่องจากการกวดวิชาจะเป็นการตีกรอบทางความคิด ทำให้ผู้เรียนไม่มีเวลาทบทวนตำราเรียนจากโรงเรียนด้วยตัวเอง เพราะใช้เวลาไปกับสถาบันกวดวิชาจนหมด เด็กก็จะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง และยังไม่มีโอกาสไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่เขาชอบ แต่ถ้าเขามีเวลาออกไปทำอย่างอื่นบ้าง สุขภาพจิตของเขาก็จะดีขึ้นอีกด้วย
เพราะฉะนั้น เราขอสรุปว่า แท้จริงแล้วการกวดวิชาไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าไหร่ ถ้าเด็กมีความตั้งใจเล่าเรียน ศึกษาในชั้นเรียน เมื่อกลับมาบ้าน ก็ต้องมาทบทวนในสิ่งที่เรียนไปแล้วทุกวันหลังเลิกเรียน สำหรับผู้ปกครองบางคนอาจมีข้อโต้แย้งว่า การกวดวิชาจะทำให้เด็กได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับวิชาต่างๆ หากแต่ก็อย่าลืมนะว่าการหาความรู้จากประสบการณ์เองก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยสิ่งที่จำเป็นต่อนักเรียนมากที่สุด ก็คือ การให้เด็กจัดเวลาให้เป็น เพียงเท่านี้ก็ทำให้เด็กได้สร้างผลการอันน่าภาคภูมิใจ ด้วยตัวเองแล้ว และไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกด้วย