ทุกตำแหน่งทุกอาชีพล้วนจะต้องมีการฝึกงานมาก่อนทั้งนั้น ถ้าเราไม่ผ่านการฝึกงานนั่นหมายความว่าคุณไม่พร้อมที่จะมาทำงานในบริษัทนั้น แน่นอนว่าการฝึกงานช่วยให้เราได้รู้ว่าในชีวิตประจำวันที่เราต้องอยู่ในที่ทำงานต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ปัญหาของประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้คนฝึกงานแบบผิด ๆ แทนที่จะช่วยสอนงานให้แต่กลับกลายเป็นว่าใช้งานพวกเขาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับตนเองเป็นหลัก อย่างเช่นการใช้ไปถ่ายเอกสาร หรือให้งานอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกงานเลย จึงเป็นที่มาว่าเราฝึกงานแล้วได้อะไร ซึ่งมันก็ถูกมันจะไม่ได้อะไรถ้าคุณไปฝึกกับคนที่ไม่ได้สอนหรือสนใจอะไรคุณ
ดังนั้นเราจึงบอกไม่ได้ว่าบริษัทที่คุณเข้าไปฝึกงานจะมีแต่คนนิสัยดี ๆ คอยสอนงานคุณไหม แต่แน่นอนว่าในบริษัทใหญ่ ๆ ที่มีคุณภาพมักจะมีคนเก่งที่พร้อมจะสอนงานคุณ แต่ก็ไม่เสมอไป แต่การฝึกงานยังคงจำเป็นและสำคัญเสมอ ถึงแม้ว่าคุณจะเก่งมาจากไหนก็ไม่ช่วยให้ใครยอมรับฝีมือคุณได้ถ้าไม่แสดงผลงานหรือได้รับการทดสอบเสียก่อน ดังนั้นการฝึกงานจึงเป็นการทดสอบอย่างดี นอกจากจะช่วยให้บริษัทรู้ความสามารถ ความอดทน ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ต่อเพื่อนร่วมงานในบริษัทได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณเข้าทำงานก็เหมือนเป็นตัวบูสเตอร์ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
จึงบอกได้ว่าการฝึกงานนั้นเราได้ บริษัทก็ได้เช่นกัน และเราได้อะไรบ้าง สิ่งที่เราได้นั้นก็คือการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน การเรียนในมหาลัยบ้างครั้งไม่สามารถนำมาใช้ได้ถ้าไม่ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับงานที่ถูกต้อง และอย่าลืมว่าการฝึกงานนั้นสำคัญถ้าไม่ผ่านก็คือไม่ได้ทำงาน ทำให้ตัวเราต้องรคิดได้ว่าการฝึกงานนั้นก็เหมือนการได้เข้าไปทำงานเต็มเวลา เราจะต้องมีวินัยในการทำงานด้วยการเข้าออกให้เป็นเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่เข้าทำงานสาย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่หลาย ๆ บริษัทต้องการพนักงานนิสัยแบบนี้เป็นอย่างมาก
ถ้าคุณจะไปฝึกงานเราก็มีทริปเล็ก ๆ น้อย ๆ ฝากกันไปบ้าง อันดับแรกอย่ากลัวที่จะถามสิ่งที่เราไม่รู้ แน่นอนว่าเราไม่รู้ทุกอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องงานของบริษัท การถามไม่เป็นเรื่องที่ทำให้เราดูโง่ แต่ทำให้เราดูจริงใจ และจริงจังในการศึกษาหาความรู้ คนอื่นก็จะชื่นชมคุณ แต่การถามจะต้องใช้วิธีที่ถูกไม่ใช่ถามไปเรื่อยเปื่อยจะทำให้คุณดูเป็นคนน่าลำคาน แค่นี้ก็จะช่วยให้การฝึกงานของคุณดูง่ายขึ้นไปอีกขั้นแล้ว