ความสำคัญของทฤษฎีการเรียนรู้ที่สามารถทำตามได้

‘ทฤษฎี’ คือ ชุดความคิดที่ต้องการอธิบาย, บรรยาย หรือใช้ในการทำนายปรากฏการณ์ต่างๆ รวมทั้งใช้ในการอธิบายหลักประการใดประการหนึ่ง อันเป็นทฤษฎีซึ่งเป็นลักษณะแนวคิดอันมีความแตกแยก เพื่อแบ่งแยกลักษณะสำคัญออกจากเนื้อหาทั่วไปของปรากฏการณ์ต่างๆ จนกระทั่งต้องผ่านขั้นตอนทดสอบแล้ว ทดสอบอีกจนกระทั่งได้รับการยอมรับ

ความหมายของทฤษฎีเรียนรู้

เพราะฉะนั้นจากการจำกัดความในข้างต้น จึงเป็นการให้ความหมายอันมีความเกี่ยวข้องกับ ทฤษฎีการเรียนรู้ ก็คือ ข้อความรู้ที่ บรรยาย/พรรณนา/อธิบาย/ทำนายปรากฏการณ์ต่างๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ทำให้ได้รับการพิสูจน์พร้อมทดสอบตามกระบวนทางวิทยาศาสตร์ หรือการค้นหาที่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน จนกระทั่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถว่าเชื่อถือได้ พร้อมนำไปใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พัฒนาทฤษฎีการเรียนรู้ เกิดจากนิทานพื้นบ้าน

ถ้าลองมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ คุณจะพบว่าแหล่งที่มาของความรู้มนุษย์นั้น ประกอบอด้วยหลายแหล่ง สำหรับในช่วงยุคแรกๆ นิทานและความเชื่อประจำท้องถิ่นต่างๆ กลายเป็นที่มาของความรู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแฝงไปด้วยวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งบอกเล่าถึงสภาพดำเนินชีวิตต่างๆของชุมชน จนกระทั่งก่อให้เกิดสุภาษิตรวมทั้งคำพังเพยที่ได้มาจากประสบการณ์ เช่น ได้ทีขี่แพะไล้ , น้ำขึ้นให้รีบตัก , ไก่ได้พลอย เป็นต้น

โดยความรู้จากนิทานพื้นบ้านได้ถูกเผยแพร่จากการบอกเล่าปากต่อไป จากแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ด้วยการเผยแพร่ผ่านทางนักเดินทาง และนักเล่านิทาน หากแต่อย่างไรก็ตามแหล่งความรู้เหล่านี้ไม่เป็นที่ยอมรับ อันเนื่องมาจากการขาดกระบวนการในการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบนั่นเอง

ยุคกรีกโบราณ ยุคที่มนุษย์เริ่มค้นหาคำอธิบาย

สำหรับในยุคเริ่มต้นของการสร้างอารยธรรมอันเกรียงไกร เช่น ยุคกรีกโบราณ มนุษย์ที่ปัญญาเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งยวด ด้วยการพยายามหาคำอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆอันเกิดขึ้น เช่น ท้องทะเล, พายุ, ฟ้าผ่า ว่าเกิดจากการกระทำของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลโพไซดอน เป็นต้น หากแต่อย่างไรก็ตามคำอธิบายที่มาจากความเชื่อ ก็ไม่อาจทำให้โลกได้มีการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจที่มีความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ รวมทั้งสังคมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นในยุคต่อมาก่อนความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะเจริญก้าวหน้า ก็ได้เกิดกระบวนการค้นหาความจริง ซึ่งเรียกว่า ‘ปรัชญา’ อันเป็นระบบความคิดเชิงตรรกะเข้ามาอธิบายพร้อมให้ความหมายของธรรมชาติรวมทั้งความจริง ซึ่งในยุคกำเนิดของปรัชญานี้ มนุษย์มุ่งมั่นพร้อมแสวงหา ความจริงของโลกซึ่งอยู่ภายนอกหรือธรรมชาติ ซึ่งนักปรัชญาพยายามให้นิยามกับความเป็นจริง รวมทั้งให้คำนิยามกับการเรียนรู้ นั่นก็คือ การค้นหาความจริงว่าคืออะไร ด้วยใช้วิธีหลักเหตุผล เชิงตรรกะ รวมทั้งผ่านทางวิธีนิรนัย

ขั้นตอนจัดการเรียนการสอนซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

สำหรับแนวคิดนี้ เป็นแนวคิดที่ได้รับการพูดถึงในวงการศึกษามาเป็นเวลาอันแสนยาวนาน โดยเป็นกระบวนผลักดันเพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาพร้อมยกระดับประสบการณ์ด้วยขั้นตอนลงมือปฏิบัติ  และโรงเรียนในประเทศไทยเอง ก็ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดนี้มาด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งเป็นขั้นตอนจัดการเรียนรู้ อันมุ่งเน้นไปยังผู้เรียนอันดับ 1 จนกระทั่งได้มีการกำหนดไว้ใน ‘พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ’ พ.ศ. 2542 เน้นให้ผู้สอนจัดกระบวนทางการศึกษา ด้วยการส่งเสริมความรู้ให้แก่ผู้เรียน จนกระทั่งสามารถพัฒนาได้แบบเป็นไปตามธรรมชาติรวมทั้งเต็มตามศักยภาพ

โดยผู้เรียนจะได้รับประโยชน์มากที่สุด ภายใต้กระบวนการเรียนการสอนนั้น และจะสามารถเกิดขึ้นได้ ก็เมื่อผู้เรียนเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ทั้งทางร่างกาย/สติ/อารมณ์และสังคม เพราะฉะนั้นแล้วขั้นตอนจัดการเรียนรู้ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญนั้น จำเป็นต้องอาศัยบทบาททั้งของครูรวมทั้งบทบาทของนักเรียนร่วมกัน

การเรียนรู้เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของมนุษย์เติบโตได้แบบมีศักยภาพ และมีคุณภาพ จนกระทั่งเกิดสังคมที่ดี ประเทศที่ดี และโลกที่ดีพัฒนาก้าวไกลอีกต่อไปในอนาคต