ปรับตัวอย่างไรในยุคโควิด- 19

โควิด

การปรับตัวในภาวะการระบาดของโรค โควิด-19

การต่อสู้กับโรคระบาดของโควิด-19  ต้องให้ความสำคัญกับมาตรการและคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เพราะโรคนี้เป็นโรคที่ระบาดและเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จากคนสู่คน และไวรัสเป็นเชื้อโรคที่มองไม่เห็น เป็นโรคที่ติดต่อง่าย กลายเป็นเราต้องระวังตัวแบบ ต่างคนต่างปกกันตัวเอง วิถีชีวิตก็จะต้องปรับตัวให้อยู่กับโรคนี้แบบไม่เป็นอันตรายให้ได้ จะต้องใส่หน้ากากอนามัย เพื่อปกกันเขาและป้องกันเรา

จากมาตรการที่เข้มงวดขึ้นหลังจากเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมาซึ่งตอนนั้นมีแนวโน้มของผู้ป่วยที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน รัฐบาลต้องออกมาตรการเพื่อหยุดและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การปฏิบัติตามข้อบังคับของรัฐบาลต้องอาศัยกฎหมาย และความร่วมมือของประชาชน หากทุกคนมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบต่อสังคม เห็นใจซึ่งกันและกัน การช่วยเหลือของประชาชน และปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดตามที่กำหนด เช่น ลดการเดินทางที่มีผู้คนเยอะๆ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร การหยุดออกจากบ้าน ดูแลสุขภาพตัวเอง การฉีดวัคซีนกันเชื้อไวรัสเข้าสู่ปอด ล้างมือโดยใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสอย่างเช่น ประตู ของต่างๆ ตามที่สาธารณะ งดกิจกรรมทางทางสังคมทั้งหมด งดการเดินทางที่เป็นรถประจำทาง เช่น รถเมย์ รถตู้ รถไฟฟ้า แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ถ้าจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกจริงๆ ให้ใช้รถส่วนตัวแทน นอกจากเรื่องนี้ รัฐบาลยังออกกฎหมายให้ สถานที่ต่างๆ ปิดทำการไปก่อน เช่น โรงเรียน สำนักงานเขตตามพื้นที่ โรงพยาบาล (ยกเว้นผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้ว) บริษัทต่างๆ ให้ทำงานที่บ้านทางออนไลน์แทน ร้านสะดวกซื้อ (งดเปิด 24 ชม.) ห้างสรรพสินค้าปิด ถ้ามีการใช้เงินแบบธนบัตรให้ปรับเปลี่ยนเป็นชำระเงินทาง Mobile Banking แทน ลดการจับเงินสด และเมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายลง รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

 

การปรับตัวรับ NEW NORMORL ชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างไร

  1. Everything at home การพักผ่อนที่จะเปลี่ยนไป หลังจากที่ต้องหยุดอยู่บ้าน ด้วยมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ประชาชนเริ่มชินกับการอยู่บ้านมากยิ่งขึ้น ทำให้หลายๆ คนมีกิจกรรมหรืองานอดิเรกและกิจกรรมที่พักผ่อนที่ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน เมื่อมีงานอดิเรกทำให้ผ่อนคลาย จึงส่งผลให้การพักผ่อนของคุณทุกคนเปลี่ยนไป จากวันหยุดที่ต้องชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หาอะไรอร่อยๆ ข้างนอกทาน ดื่มกาแฟตามร้านกาแฟเก๋ กลับกลายเป็นต้องหยุดอยู่บ้าน นอนดูซีรี่ หนัง ทำกับข้าวทานเองในบ้าน ช้อปปิ้ง ออนไลน์
  2. Work From Home การทำงานที่บ้านจะเป็นเรื่องปกติ work from home อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นนโยบายที่หลายๆ บริษัทเริ่มทำกันอย่างจริงจังตลอดช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่สำคัญการทำงานที่บ้านยังส่งผลดีในหลายๆ ด้าน ทั้งกับทางบริษัทเองและตัวพนักงานเอง ผลจากความพึงพอใจของการ work from home นี้เอง จะมีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านตัวเองได้ ร่วมกับเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในเรื่องนี้เข้ามาช่วยให้งานที่ยังต้องทำดำเนินต่อไปได้
  3. Multi – income Stream สวมบทบาทหลากหลายอาชีพ จากที่หลายๆ คนจำเป็นที่จะต้องหยุดงาน จึงเริ่มที่จะมองหาลู่ทางหารายได้เข้ากระเป๋าหลายๆ ทางจากเดิมที่ทำงานอยู่ที่เดียว เช่น แม่ค้าออนไลน์, ทำอาหารที่อยู่ในช่องทางออนไลน์ส่งตรงถึงบ้าน หรือแม้กระทั่งแบบที่เป็นพนักงานส่งอาหารให้กับผู้สั่งถึงบ้าน หรือบางคนเปิดคอร์สสอนออนไลน์ ฯลฯ
  4. Physical Distancing เว้นระยะห่างกันและกัน จากการรณรงค์ให้ผู้คนเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และรวมกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้น การต่อแถวรอรถไฟฟ้าที่ต้องเว้นระยะห่าง การรอคิดเงินในร้านสะดวกซื้อ การเว้นระยะระหว่างโต๊ะ และเก้าอี้ในร้านอาหาร
  5. Wear a mask พกหน้ากากอนามัยติดตัวเสมอ กลายเป็นความเคยชินของใครหลายๆ คนที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน โดยหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่อยู่ดีๆ ก็จำเป็นขึ้นมาซะอย่างงั้น ไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไปที่สวมหน้ากากอนามัยจนเคยชินแล้ว พนักงานตามร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ต่างมีนโยบายมีข้อบังคับให้พนักงานที่งานอยู่ในร้าน สวมหน้ากากอนามัย สื่อให้เห็นถึงความใส่ใจความสะอาดในการให้บริการอีกด้วย