ถ้าพูดถึงระบบการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ขององค์กรนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถได้รับประสบความสำเร็จ จากการทำเพียงแค่คนคนเดียว หรือกลุ่มเดียวเท่านั้น หากแต่เกิดจากการนำทักษะที่มีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลมาผสมผสานเข้าไปด้วยกัน โดยหนึ่งในทักษะ ที่เราจะนำมาแนะนำกันในวันนี้ ก็คือ ทักษะที่จะทำให้การทำงานในองค์กรนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพและเดินไปถึงจุดประสงค์ได้อย่างเต็มที่
สร้างโอกาสให้คนเท่ากับการสร้างโอกาสให้ธุรกิจ
สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องตระหนักก็คือ คนเราทุกคนนั้นเกิดมาได้รับโอกาสที่ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ผู้ที่เป็น CEO จะต้องมีก็คือการมอบโอกาสให้แก่ชีวิตของผู้คน ให้แก่ชีวิตของลูกจ้าง เพื่อให้ชีวิตของเขานั้นดีขึ้น และส่งต่อโอกาสนี้ออกไปในสังคมโดยคุณสามารถจัดตั้งสถาบัน หรือจัดตั้งโครงการในการฝึกอบรมพนักงานขึ้น ซึ่งอาจเปิดให้เข้าอบรมฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการชักจูงให้ผู้ที่ต้องการอยากทำงาน หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ที่มีไฟในการที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หากแต่ไม่มีโอกาส ไม่มีทุนทรัพย์ให้เขาได้เข้ามาเรียนรู้เพื่อนำสิ่งดีๆ เหล่านี้ ไปต่อยอดสร้างเนื้อสร้างตัวต่อไป และเมื่อเขาเติบโตมีคุณภาพที่ดีขึ้น เขาก็จะนำไปแพร่ต่อคนอื่นอีกต่อไป เกิดเป็นสายโยงยางแห่งคุณภาพที่ดีไม่มีที่สุดและเมื่อชีวิตของผู้คนได้กินดีอยู่ดีขึ้นแน่นอนว่า ก็จะทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศนั้นดีขึ้นตามไปด้วย ชีวิตของพนักงานบางคน หรืออาจจะหลายคนที่เขาได้เกิดมามีชีวิตใหม่ได้สร้างเนื้อสร้างตัว จากการได้รับโอกาสนี้ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของผลกำไรเท่านั้น หากแต่เป็นการเรื่องของการเติมเต็มในเรื่องของจิตวิญญาณ การสร้างสังคม ที่มีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ทำงานร่วมกันภายใต้ความแตกต่าง
มนุษย์นั้นเกิดมาในครอบครัวที่แตกต่างกัน มีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันไป มีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงทำให้เกิดแนวคิดที่แตกต่างกัน สิ่งที่ CEO พึงมี ก็คือการยอมรับในความแตกต่างของเพื่อนมนุษย์ ของลูกน้องภายในบริษัท ให้คุณทำความเข้าใจว่าเหตุใด ทำไมเขาถึงมีแนวคิดเช่นนั้น เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายได้พูด บางทีคุณอาจจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือมุมมองใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในธุรกิจก็ได้
อีกทั้ง CEO ยังต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสโลกาภิวัตน์ที่หลั่งไหลเข้ามาในแต่ละวัน และจะต้องพยายามปรับตัวให้อย่างรวดเร็วและยืนหยัดอยู่เหนือกระแสเหล่านั้น เพราะถ้าคุณไม่ยอมศึกษากระแสคุณก็อาจจะตกอยู่ในสภาพล้าหลัง ปรับตัวเศรษฐกิจไม่ทัน ก่อให้เกิดการสูญเสียในด้านต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ถ้าคุณต่อต้านกับกระแส ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่นำมาไม้จิ้มฟันไปขัดขวางน้ำป่าที่กำลังไหลหลาก แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ต้องใช้สติวิเคราะห์ว่ากระแสนั้น เป็นกระแสที่ดีหรือไม่หรือเป็นกระแสที่ไม่ดีเพียงแค่ผ่านเข้ามาและจากไปเท่านั้น
พยายามค้นหาแรงบันดาลใจ มองเป้าหมายให้ชัดเจน
หลายๆ คนติดภาพว่าตำแหน่งนี้ก็ต้องเป็นตำแหน่งของคนที่เก่งอยู่แล้ว แล้วจะต้องมีการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีก ในเมื่อเขาก็มีความรู้ทุกอย่างพอที่จะเป็น CEO แล้ว ซึ่งเราขอบอกเลยนะคะว่า แม้แต่ CEO เอง หรือแม้แต่พนักงานตำแหน่งใดๆ ในบริษัทก็ตาม ก็จะต้องมีการเรียนรู้เรื่องราวแนวคิดข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา เพราะว่าในทุกๆ วันนี้มีผู้คนมากมายที่พยายามจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นในทุกๆ วัน ถ้าคุณหยุดคนเหล่านั้น ก็อาจจะมาแทนที่คุณได้
ซึ่งคุณผู้อ่านก็คงจะเห็นตัวอย่างในชีวิตจริงมาบ้างแล้ว ในอดีตแบรนด์บางแบรนด์ที่เคยรุ่งเรืองและทุกคนต้องใช้ ทุกคนต้องมีแต่ในปัจจุบันนี้แทบไม่มีคนรู้จักเลย นี่แหละ คือหัวใจของการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง